10 แนวโน้มเทคโนโลยีระดับกลยุทธ์ 2015 ของ Gartner

10 แนวโน้มเทคโนโลยีระดับกลยุทธ์ 2015 ของ Gartner

Gartner Top 10 Strategic Technology Trends for 2015

โดย ธนชาติ นุ่มนนท์   IMC Institute

ทุกๆปลายปี สำนักวิจัย Gartner  จะประกาศให้เห็นถึง Top 10  แนวโน้มของเทคโนโลยีในปีต่อไป แต่ปีนี้ Gartner ประกาศออกมาค่อนข้างเร็วตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ และก็ได้ระบุถึงเทคโนโลยีไอทีต่างๆ 10  ด้าน ตามที่แสดงในรูปที  ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับปีที่แล้วหรือ 2-3  ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าในปีนี้ไม่ค่อยมีคำว่า Cloud Computing, Mobile Technology, Social Networks  หรือ Big Data  ทั้งนี้ก็เพราะว่า Mega Trends  เหล่านี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในระบบไอทีที่เราใช้อยู่ทุกวัน และแทบทุก Strategic IT Trends ที่ Gartner พูดถึงก็จะเกี่ยวข้องกับ Mega Trends  เหล่านี้ สำหรับ IT Trends ในปีนี้มีเรื่องต่างๆที่น่าสนใจดังนี้

1) Computing Everywhere: การ ใช้งานอุปกรณ์ smartphone  ที่แพร่หลาย ทำให้เกิดผู้ใช้้ที่เป็น mobile มากขึ้น และต้องสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ทุกที่ ระบบการใช้งานก็จะต้องคำนึงสภาพแวดล้อมที่จะมีอุปกรณ์หลากหลายต่อมาจากทุกๆ ที่มากกว่่าที่จะพัฒนามุ่งมาให้อุปกรณ์เดี่ยวใช้งาน และยิ่งมีกระแสของอุปกรณ์อย่าง  waerable technology ก็จะยิ่งทำให้การประมวลผลผ่านอินเตอร์เน็ตมีการใช้งานอย่างกว้างขวางขึ้นที่ ผู้คนจะเข้าถึงจากทุกๆที่ และต่อไปการออกแบบที่เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience Design) จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น

2) The Internet of Thing (IoT): Gartner ให้ความสำคัญกับ IoT อย่างต่อเนื่องมาสามปีแล้ว ซึ่งการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุปกรณ์จะทำให้เกิดข้อมูลที่มากขึ้นและก็จะ มีบริการต่างๆเพิ่มมากขึ้นตาม เราจะเห็นการนำอุปกรณ์มาใช้งานในเชิงธุรกิจมากขึ้น อาทิเช่น การนำโมเดลการจ่ายเงินตามการใช้งาน (Pay-per-use )มาใข้กับการบริการอย่างระบบประกันภัยที่อาจชำระเฉพาะเมื่อมีการขับรถโดยเรา ใช้อุปกรณ์ IoT ตรวจจับ  หรือที่จอดรถที่อาจมีอุปกรณ์ IoT ติดอยู่

3)  3D Printing: ตลาดการพิมพ์สามมิติในปี 2015 จะโตขึ้นถึง 98% และคาดการณ์ว่าจำนวนเครื่องพิมพ์สามมิติจะถูกจำหน่ายเพิ่มเป็นสองเท่าและจะ มีจำนวนเป็นสามเท่าในอีกสามปีข้างหน้า โดยเครื่องก็จะมีราคาถูกลงและถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น ซึ่งการนำ 3D Printer มาใช้ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการออกแบบหรือการพัฒนาอุปกรณ์ต้นแบบ

4) Advanced, Pervasive and Invisible Analytics: Analytics จะกลายเป็นเรื่องสำคัญเพราะเราจะมีข้อมูลทั้งที่เป็น  structure และ unstructure มากขึ้น Application ต่างๆก็ต้องมีระบบที่มีความสามารถด้าน Analytics อยู่ใน และองค์กรก็ต้องเตรียมรองรับกับข้อมูลมหาศาลที่จะมาจาก IoT, Social Media และ อุปกรณ์ Wearable ซึ่ง Analytics จะมีความสำคัญในการจะหาคำตอบต่างๆมากกว่าเพียงแค่ Big Data

5) Context-Rich Systems: Gartner ได้กล่าวถึง Ubiquitous embedded intelligence ซึ่งจะเป็นการพัฒนาระบบต่างๆที่จะช่วยเตือนและคาดการณ์เรื่องต่างๆที่อยู้ รอบตัวได้ล่วงหน้า อาทิเช่นระบบอย่าง  Context-Aware Security

6) Smart Machines: เมื่อปีที่แล้ว  Gartner ก็กล่าวถึง smart machine ที่เป็นระบบที่สามารถเรียนรู้เองได้ (เช่น IBM Watson) ซึ่งจะมีระบบ  Analytics ที่ชาญฉลาด โดยยุคของ smart machine ที่จะมาถึงนี้ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ไอที ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มมีการพัฒนาต้นแบบของ รถยนต์แบบautonomous, หุ่นยนต์ที่ก้าวหน้าขึ้น หรือผู้ช่วยอัจฉริยะเสมือนจริง (virtual personal assistant)

7) Cloud/Client Architecture:  เทคโนโลยี Mobile และ Cloud กำลังเข้ามารวมกัน โดยฝั่ง Client จะเป็น Rich Application ที่ทำงานบนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตเช่นอุปกรณ์พีซี smartphone หรือ Tablet ส่วนฝั่งของ Server ก็จะเป็น Applications หลากหลายที่ทำงานอบู่บนระบบ Cloud Computing ที่ยืดหยุ่น (Elastic) และพร้อมที่จะรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้ (Scability) นอกจากนี้ความต้องการการใช้งานฝั่ง Client ผ่านอุปกรณ์โมบายจะยิ่งทำให้ระบบ Server และ Storage มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้พัฒนา Application ก็ต้องต้องเตรียมรองรับกับผู้ใช้จำนวนมากจากอุปกรณ์ที่มีหน้าจอที่หลากหลาย และจะต้องสามารถ sync ข้อมูลของ App ในทุกๆอุปกรณ์ได้

8) Software Defined Infrastructure and Applications: ต่อไปเราจะเห็นการโปรแกรมที่ยืดหยุ่น (Agile Programming)  สำหรับทุกๆอย่างตั้งแต่การพัฒนา Application ไป จนถึงการทำ Infrastructure ที่จะมีเรื่องของ Software-defined networking, storage, data centers และ security โดยจะมีการใช้ Application Programming Interface (APIs) ที่จะเข้าถึงข้อมูลและระบบเหล่านี้ผ่านบริการที่อยู่บน Cloud

9) Web-Scale IT: การให้บริการไอทีกำลังเปลี่ยนไปเพราะมีผู้ใช้จำนวนมหาศาล ระบบอย่าง Facebook, Amazon และ Google ทำให้ Enterprise Data Center ต่างๆต้องออกแบบระบบที่จะรองรับผู้ใช้จำนวนมากที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ ซึ่งจะเป็นเรื่องยากที่องค์กรส่วนใหญ่จะทำระบบแบบนั้นได้ ดังนั้นในอนาคตเราอาจจะเห็นองค์กรต่างๆมาใช้ระบบ Cloud มากขึ้น และขั้นตอนแรกขององค์กรต่างๆที่จะเข้าสู่่  Web-Scale IT คือการใช้ DevOps  ซึ่งเป็นการรวมกันของ Development กับ  Operation

10) Risk-Based Security and Self-Protection: สุดท้าย Gartner ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของระบบความปลอดภัยและเชื่อว่าไม่มีองค์กรใด ป้องกันได้  100%  ดังนั้นการประเมินความเสี่ยงและการใช้กระบวนการและเครื่องมือในการลดความ เสี่ยงจะเป็นเรื่องที่สำคัญ ในมุมทางเทคนิคการออกแบบ Application ที่มีการป้องกันความปลอดภัยอยู่ในตัวจะมีความสำคัญยิ่งขึ้น

 

ที่มา : http://www.isocare.co.th/index.php/100-news-articles-it/article-it/66-top-ten-information-technologies-for-2015-gartner

 

ใส่ความเห็น